One for the Road วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ (2021) (อังกฤษ: One for the Road) เป็นภาพยนตร์ไทยแนวดราม่า ผลิตโดย เจ็ตโทน คอนเทนต์ส บล็อกทู ดิสทริบิวชัน และเฮาส์ตัน สตูดิโอ ของ นัฐวุฒิ พูนพิริยะ อำนวยการสร้างโดย หว่อง ก๊า ไหว่ และจัดจำหน่ายโดย เจ็ตโทน คอนเทนต์ส โดยจีดีเอช ห้าห้าเก้า เป็นผู้รับสิทธิ์การจัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย นำแสดงโดย ธนภพ ลีรัตนขจร และ ณัฐรัตน์ นพรัตยาภรณ์ ตัวภาพยนตร์ว่าด้วยเรื่องของเพื่อนสนิทที่ไม่ได้เจอกันนานตัดสินใจออกเดินทางด้วยรถยนต์ด้วยกันเพื่อตามหาเพื่อนเก่าเพื่อคืนของสำคัญและบอกลากันก่อนจากไป
ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับคะแนนจาก
IMDb ไปถึง 7.3/10 คะแนน รับชมหนังใหม่
ดูหนังออนไลน์ได้ที่นี้ ไปรับชมกันได้เลย
นำแสดงโดย (รายชื่อนักแสดง)
- ธนภพ ลีรัตนขจร รับบทเป็น บอส
- ณัฐรัตน์ นพรัตยาภรณ์ รับบทเป็น อู๊ด
- ชุติมณฑน์ จึงเจริญสุขยิ่ง รับบทเป็น หนูนา
- วิโอเลต วอเทียร์ รับบทเป็น พริม
- พลอย หอวัง รับบทเป็น อลิซ
- ศิรพันธ์ วัฒนจินดา รับบทเป็น รุ้ง
- รฐา โพธิ์งาม รับบทเป็น ตั๊ก
งานสร้าง : หว่อง ก๊า ไหว่ ที่รู้จักนัฐวุฒิผ่านผลงานการกำกับของเขาในฉลาดเกมส์โกง (พ.ศ. 2560) ได้ชักชวนให้มาร่วมทำงานด้วยกันโดยเขาจะเป็นผู้อำนวยการสร้างให้ โดยมีการพูดคุยกันตั้งแต่ พ.ศ. 2560 ใช้เวลากว่า 3 ปี กว่าทุกอย่างจะลงตัว
การตอบรับเชิงวิจารณ์ : ภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉายรอบปฐมทัศน์ในเทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์ 2021 เมื่อวันที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2564 และได้รับรางวัล World Dramatic Special Jury Award จากงานดังกล่าว
ผลตอบรับของภาพยนตร์อยู่ในระดับกลาง ๆ คิม ยูทานิ ผู้คัดเลือกหนังและจัดเทศกาลซันแดนซ์ ระบุว่าเป็นภาพยนตร์ที่เข้ามาไม่ทันตั้งตัว จึงถูกจัดให้ฉายในวันเปิดงาน และส่งเข้าประกวดในหมวดหนังจากทั่วโลก (นอกอเมริกา) ในประเภทดราม่า ตัวภาพยนตร์มีกลิ่นอายความเป็น หว่อง ก๊า ไหว่ โดยชัดเจน วาไรตี ระบุว่าตลอดเวลา 136 นาที ภาพยนตร์มีความตื่นเต้น และชื่นชมในลูกเล่นการเล่าเรื่องที่ฉลาดของบาส ที่พลิกไปพลิกมาแถมบางครั้งยังกล้าล้มล้างพล็อตตั้งต้นอย่างมีรสนิยม ด้าน เดตไลน์ ระบุว่าแม้จะน่าเสียดายที่หว่องกาไวไม่ได้สร้างหนังอะไรมา 8 ปีแล้ว แต่การมาอำนวยการสร้างหนังเรื่องนี้ก็งดงามและพิเศษไม่แพ้กันเลย แต่ อินดีไวร์ ให้คะแนนเพียง C+ โดยติว่า หนังมีความละมุนหวนให้อดีตที่สวยงาม ราวกับการพินิจรถคลาสสิกเรียบหรู ทว่าเมื่อผู้กำกับเข้าเกียร์เดินเครื่องแต่ละทีกลับกระชากและให้อารมณ์ที่รุนแรงท่วมท้นไปพร้อมกัน รวมถึงความไม่เข้ากันของผู้รับบทสองคนคือ ธนภพ และณัฐรัตน์ รวมถึงการสับเปลี่ยนระหว่างพาร์ทเนื้อเรื่องของทั้งสองตัวละคร ทำให้บทสรุปของภาพยนตร์ในช่วงสุดท้ายดูไม่มีเหตุผล และการที่ผู้กำกับใส่ความเป็นหว่องกาไวเข้ามา มันเยอะดูเหมือนจะยัดเยียดเกินไปซึ่งไม่เข้าท่า
รอตเทนโทเมโทส์ ให้คะแนนรวมที่ 66% จากผู้รีวิว 32 คน และอินเทอร์เน็ต มูฟวี่ ดาตาเบส ให้คะแนนรีวิวที่ 7.1 เต็ม 10 จากผู้รีวิว 132 คน
รายได้ : วันแรกของการเข้าฉายอย่างเป็นทางการ (10 กุมภาพันธ์) ภาพยนตร์เปิดตัวด้วยรายได้ 3.32 ล้านบาท (ทั่วประเทศ 6.7 ล้านบาท) หลังจากผ่านวันหยุดสุดสัปดาห์แรกของการเข้าฉาย (สี่วันหลังจากการเข้าฉาย) ภาพยนตร์ทำรายได้รวม 16.58 ล้านบาท (ทั่วประเทศ 34.42 ล้านบาท)
เนื้อหาของภาพยนตร์ เป็นเรื่องราวของ บอส หนุ่มนักธุรกิจที่ย้ายภูมิลำเนาจากบ้านเกิด มาเปิดกิจการบาร์ในมหานครนิวยอร์ก เขาได้ตัดสินใจย้อนเส้นทางกลับไปยังเมืองไทยอีกครั้ง เพื่อพบกับ อู๊ด เพื่อนที่สนิทตั้งแต่สมัยเรียน นับว่าเป็นการพบเจอกันครั้งแรกในรอบหลายปีที่ห่างเหินกันไป พวกเขาร่วมกันออกเดินทางไปทั่วประเทศ เพื่อนึกย้อนและระลึกถึงความทรงจำที่ผ่านมา เนื่องจากอู๊ดกำลังป่วยด้วยโรคมะเร็งระยะลุกลามและเหลือเวลาอีกเพียงไม่มากแล้ว
คือแค่ฟังจากพล็อตเรื่องก็น่าจะพอเดาทางออกได้ว่าน่าจะมาแนวไหน ก็คงหนีไม่พ้นหนังแนวโร้ดทริปเพื่อกลับไปทบทวนเรื่องราวอดีตที่ผ่านมา พล็อตแบบนี้แน่นอนว่าไม่ค่อยหวือหวาอะไร แต่กลับ One for the Road ได้ใช้กิมมิกในการเล่าเรื่องที่มีเทคนิคชั้นเชิงเข้ามาช่วยส่งเสริม จึงพัฒนาให้หนังโร้ดทริปย้อนทางกลับไปหาแฟนเก่าเรื่องนี้ กลายเป็นหนังที่เต็มไปด้วยเรื่องราวและเรื่องเล่าสะกิดใจไปได้ทุกหลักกิโลเมตรของตัวละครที่พานพบมา
ในส่วนของบทภาพยนตร์ของ One for the Road อาจจะไม่ได้ถึงขั้นดีเลิศสมบูรณ์แบบอะไร เพราะหลายๆ มุมก็ยังคงแฝงด้วยสูตรสำเร็จง่ายๆ ที่เข้าถึงคนดูได้ไม่ยาก แต่ลูกเล่นในการเล่าเรื่องและไดอะล็อกต่างๆ ที่ถูกวางเอาไว้อย่างบรรจงตลอดทั้งเรื่องนี้ ถูกปรุงออกมาเป็นสูตรที่กลมกล่อมและคมคาย โดยน่าจะแบ่งหนังออกได้เป็น 2 องก์หลักๆ ในขณะที่องก์แรกคือโร้ดทริปไปตามรายทาง องค์สองก็คือความบอบช้ำจากผลแห่งการกระทำทั้งหมด
ต้องยอมรับว่าหนังเรื่องนี้สร้างมิติให้กับตัวละครในทุกๆ ตัวเลยก็ว่าได้ จึงทำให้ทุกคาแรกเตอร์ในหนังเรื่องนี้มีมุมมองและเหตุผลในตัวเองเป็นอย่างดี เหตุและผลที่ไม่จำเป็นจะต้องเล่าออกมาเป็นภาพเพื่อขยายความ แต่ใช้ความรู้สึกของตัวละครนี่แหละ เป็นตัวขยายความในตัวของมันเองโดยอัตโนมัติ และนี่ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่ค่อนข้างดีในหนังเรื่องนี้ และถ่ายทอดออกมาได้ค่อนข้างแข็งแรง สามารถประคับประคองหนังทั้งเรื่องเอาไว้ได้สบายๆ
ในขณะที่องค์ประกอบของนักแสดงนั้น คงจะต้องลุกปรบมือให้เลย เพราะแคสติ้งของหนังเรื่องนี้เลือกมาได้เป็นอย่างดีทุกตัวละคร "ต่อ ธนภพ" กับ "ไอซ์ซึ ณัฐรัตน์" เป็นนักแสดงนำคู่ที่ช่วยกันประคองหนังทั้งเรื่องนี้เอาไว้ได้อย่างสบายๆ การแสดงในระดับมืออาชีพของทั้งคู่ต้องยกนิ้วให้เลย เพราะทุกอย่างถ่ายทอดออกมาเป็นธรรมชาติ เล่นน้อยแต่อินเนอร์ออกมาเพียบ ซีนอารมณ์ต่างๆ ก็ถือว่าทำออกมาได้ค่อนข้างดีแบบไม่มีใครยอมใคร
แต่อาจจะเทใจให้กับไอซ์ซึไปเล็กน้อย เพราะนี่คืออีกหนึ่งผลงานการแสดงที่ดีของเขาเลยทีเดียว ไม่ใช่แค่เพียงการทรานสฟอรม์ร่างกายตัวเอง เพื่อสวมบทบาทผู้ป่วยโรคร้ายจริงๆ กับการลดน้ำหนักแบบสุดขั้ว แต่อินเนอร์และการยั้งเข้าถึงบทบาทอารมณ์ของตัวละครก็ถือว่าแทบจะแบกหนังทั้งเรื่องเอาไว้ได้เลย และเขาผู้นี้ก็น่าจะไม่พลาดที่จะได้เข้าชิงรางวัลทางการแสดงต่างๆ อย่างแน่นอน และคาดว่าน่าจะได้รางวัลติดมือด้วยซ้ำ
นอกจากนี้ 2 หนุ่มที่ทำหน้าที่เป็นตัวนำเรื่องแล้ว บรรดาสาวๆ ที่เป็นองค์ประกอบแฟนส์เก่านั้น ก็ถือว่าทำได้ดีไม่น้อยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น "พลอย หอวัง" ที่เฉิดฉายจากหนังเรื่องนี้แบบเซอร์ไพรส์ "ออกแบบ ชุติมณฑน์" ที่ให้การแสดงน้อยแต่มากได้ดี เช่นเดียวกับ "นุ่น ศิรพันธ์" ที่ไม่ต้องพูดอะไรมาก...เธอคนนี้อินเนอร์นักแสดงมาเต็ม และยังมี "วี วิโอเลต" ที่เป็นคนที่ไม่สามารถละสายตาไปได้ หนังเรื่องนี้ขับเสน่ห์และเทคนิคการแสดงของวีออกมาได้อย่างดี ยิ่งซีนอารมณ์ที่เต็มไปด้วยความเรียลจัดๆ ต้องปรบมือให้เธอเลย
เรื่องราวจะสนุกสนานมากแค่ไหน ไปติดตามและรับชมกันได้เลย...