Push (2009) พุช โคตรคนเหนือมนุษย์ ดูหนังฟรี เรื่องราวเกี่ยวกับ ดิวิชั่น องค์กรลับของรัฐบาลทำการเปลี่ยนแปลงพันธุกรรม พลเรือนให้เป็นกองทัพนักรบพลังจิต หากใครไม่ยอมเข้าร่วมองค์กรนี้ ก็จะถูกกำจัดอย่างโหดเหี้ยม... นิค แกนท์ (คริส อีแวนส์) นักโทรจิตรุ่นที่ 2 หรือ จอมเคลื่อนย้าย ตั้งแต่ดิวิชั่นฆ่าพ่อเขาเมื่อหลายสิบปีก่อน เขาจึงใช้ชีวิตหลบ ๆ ซ่อน ๆ อยู่ในฮ่องกง ประเทศที่มีประชากรหนาแน่น และปลอดภัยที่สุดในโลกนี้สำหรับนักพลังจิตอย่างเขา ตราบใดที่เขาไม่เปิดเผยเรื่องพลังวิเศษของตัวเอง แต่นิคจำต้องเปิดเผยตัวเมื่อ แคสซี่ โฮล์มส์ (ดาโกต้า แฟนนิ่ง) สาวน้อยวัย 13 ปี ผู้มีญาณทิพย์ หรือฉายา ตาทิพย์ มาขอให้เขาช่วยตามหา คีร่า ฮัดสัน (คามิลล่า เบลล์) ผู้ควบคุมจิตที่หลบหนีไปได้ และอาจกุมกุญแจสำคัญ ที่จะโค่นล้มองค์กรดิวิชั่น ผู้ควบคุมจิตคือผู้ที่มีพลังจิตที่น่ากลัว และทรงพลังที่สุด นั่นก็คือสามารถบงการผู้อื่นได้ โดยล้างสมองใส่ความคิดที่ตนต้องการให้คนอื่นทำตาม แต่แคสซี่ปรากฏตัวได้ไม่นาน ก็ดึงดูดความสนใจจากนักล่ามนุษย์ ขององค์กรดิวิชั่น นิคกับแคสซี่จึงต้องหนีเอาชีวิตรอด
ด้วยความช่วยเหลือจากเหล่าอันธพาลที่มีพลังจิตทั้งหลาย คู่หูต่างวัยนี้จึงหนีรอดไปได้หลายต่อหลายครั้งในเมืองที่ฟอนเฟะแห่งนี้ ทั้งคู่พยายามจะชิงตัดหน้าตามหาคีร่าให้เจอก่อนคนขององค์กร ทว่าพวกเขาก็ต้องสะดุดกับตอเมื่อเจอกับ เจ้าหน้าที่ดิวิชั่น เฮนรี่ คาร์เวอร์ (ไจมอน ฮอนซู) ผู้ควบคุมจิตที่ไม่ยอมให้อะไรมาขวางการบรรลุเป้าหมายของพวกเขา หนังเรื่องนี้ได้รับคะแนน IMDB ไปถึง 6.1 คะแนน รัยชมหนังใหม่ได้ที่ 7yup
Push (2009) พุช โคตรคนเหนือมนุษย์ ดูหนังฟรี ภาพยนตร์ได้รับกระแสตอบรับไม่ดีจากนักวิจารณ์ "ภาพหวือหวา แต่ดูเกินจริงและสับสน"
เป็นหนังที่ผมนับถือในความกล้าเหมือนกันนะครับ เพราะตั้งแต่เริ่มทำออกมาก็โดนมองว่าเดินตามรอย X-Men แบบโต้งๆ
ตัวเอกคือเหล่ามนุษย์ผู้มีพลังพิเศษ (แต่ไม่พิสดารเท่ามิวแตนท์ใน X-Men) นำโดย นิค แกนท์ (Chris Evans) ที่ต้องเผชิญกับองค์กรลึกลับที่ชื่อดิวิชั่นที่ตั้งหน้าตั้งตาตามล่าเหล่ามนุษย์ผู้มีพลังพิเศษ
หัวหน้าของพวกดิวิชั่นก็คือ เฮนรี่ คาร์เวอร์ (Djimon Hounsou) ซึ่งก็ตามสูตรครับว่าต้องมีความแค้นกับนิคตั้งแต่ยังเด็ก เพื่อให้การปะทะกันมีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น
ทีนี้พอพวกดิวิชั่นมาล่า เขาก็ต้องหาทางรับมือ (กึ่งๆ หลบหนีไปตั้งหลัก) ก็พอดีมีเด็กสาวที่มีพลังทำนายอนาคตเดินตรงรี่มาหาเขา เพื่อขอความช่วยเหลือและกะจะร่วมมือกันสู้กับพวกดิวิชั่น
ประมาณว่าสองหัวดีกว่าหัวเดียว สาวน้อยคนนี้ก็มีชื่อว่า แคสซี่ โฮล์มส์ (Dakota Fanning) ที่จัดการทำนายอนาคตให้นิคเสร็จสรรพเลยว่า การปะทะกับพวกดิวิชั่นหนนี้
เป็นไปได้สูงมากว่า นิคกับเธอต้องตายแน่นอน (เป็นมงคลเหลือเกินนะครับเนี่ย)
นอกจากนี้นิคเองยังต้องหาทางช่วยเหลือ ไคร่า (Camilla Belle) หนึ่งในผู้มีพลังจิตที่อาจเป็นกุญแจพลิกชะตากรรมของพวกเขา อีกทั้งนิคเองก็ยังมีอดีตบางอย่างกับเธอด้วย…
แล้วเรื่องจะพลิกไปทางไหนต่อไป ก็ต้องไปตามดูต่อ
หนังมันดูเป็นเกรดบีแบบเต็มๆ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่น่าสนใจนะครับ ผู้กำกับ Paul McGuigan แห่ง Lucky Number Slevin ก็คุมหนังได้ไม่เลว
แต่น่าเสียดายที่บทมันไม่ค่อยมีอะไรดึงดูดนัก เราๆ ท่านๆ ก็พอจะเดาเรื่องได้น่ะครับ แม้ตอนท้ายจะมีปมปริศนาเกี่ยวกับตัวไคร่าเพิ่มลงมาอีกหน่อย แต่มันก็ไม่ได้เกินคาดเดา
ดูไปดูมาเลยออกอารมณ์เฉยๆ เป็นส่วนใหญ่ เพียงแต่มันไม่ค่อยจะมีอะไรใหม่หรือปมที่ชวนติดตามนัก จุดที่ผมเสียดายนิดๆ
คือสารพัดพลังพิเศษของเหล่าคนพลังจิตที่ไม่ค่อยมีลูกเล่นให้ตื่นตาเท่าไหร่ นอกจากพลังจิตเคลื่อนย้ายสิ่งของแบบเดิมๆ หรือไม่ก็ทำนายอนาคต หยุดกระสุน
หรือการใช้พลังคลื่นเสียงเป็นพลังทำลายล้าง ซึ่งเราก็เคยเห็นกันมานักต่อนักจากหนังหลายเรื่อง ยิ่งใครดูการ์ตูนญี่ปุ่นมากๆ นี่คงคุ้นมาแต่ไหนแต่ไร ส่วนใครที่ดู X-Men ก็ไม่ต้องพูดถึงล่ะครับ พลังมันคนละเรื่องกันอยู่แล้ว
ถ้าคนทำเขาเสริมลูกเล่นแบบเต็มพิกัด ประมาณว่าดัดแปลงพลังให้มันมีความพิเศษไม่เหมือนที่คนดูเคยเห็นลงไปสักหน่อย หนังอาจจะอุดมความมันส์ขึ้นกว่าเดิมก็ได้
อย่างพลังเคลื่อนย้ายสิ่งของเงี้ยครับ เติมความสามารถลงไปเยอะๆ เลย เช่น เคลื่อนย้ายน้ำ เคลื่อนย้ายไฟหรือสายฟ้าได้ เอามาอัดพลังกันแบบเต็มที่
หรือไม่ก็เคลื่อนกระสุนได้ก็ยังดี ประมาณว่า ยิงมาก็คุมกระสุนสะท้อนหรือไม่ก็ควงสว่านทำเป็นพลังดัชนีไปเลยก็ได้ ผมว่าบรรยากาศให้ซะด้วยนะครับ
เพราะเหตุการณ์มันไปเกิดที่ฮ่องกงอ้ะ น่าจะคิดมนุษย์พลังจิตประเภทใช้สิ่งของทุกชนิดเป็นพลังดัชนีก็น่าจะมันส์นะ หรืออย่างพลังคลื่นเสียงก็เพิ่มลูกเล่นได้
แทนที่จะกรี๊ดแล้วมีพลังระเบิดอย่างเดียว ก็เป็นกรี๊ดแล้วพลังเสียงแยกเป็นริ้วๆ แยกกันโจมตีใส่เป้าหมายได้ อะไรเงี้ยเป็นต้น เนี่ยครับ
ถ้ามีลูกเล่นแพรวพราวอย่างนั้นหนังคงเจ๋งขึ้นอีกเยอะทีเดียว
หนังมันก็มีเท่านี้ล่ะครับ อาจเป็นเพราะทุนที่จำกัดด้วย (ประมาณ $38 ล้าน) ดังนั้นก็ทำใจปรับระดับ ได้เท่านี้ก็โอแล้วล่ะครับ ขนาดผู้กำกับเองก็ยังบอกว่าเขาอยากทำเทคนิคมากกว่านี้
แต่ทุนจำกัดเลยทำอะไรมากไม่ได้ ก็เห็นใจอยู่เหมือนกันครับ
ดาราแต่ละเจ้าจริงๆ ผมว่าก็เล่นดีนะ เพียงแต่ยังไมถึงกับเด่น ไม่ถึงกับเสริมเอกลักษณ์ให้ตัวละคร อย่าง Evans ที่ดูเท่ห์นิดๆ แบบพระเอก
แต่ก็ไม่ได้มีแรงดึงดูดในคาแรคเตอร์ให้คนดูเอาใจช่วยสักเท่าไร ส่วน Hounsou ก็มาแนวร้ายแบบพิมพ์นิยมครับ แต่ก็ไม่ได้เด่นเป็นชิ้นเป็นอัน และที่จัดว่านิ่งเกินคาดคือเหล่าสาวๆ ในเรื่อง
ได้แก่ Belle กับ Fanning ซึ่งเรื่องสวยนั้นไม่เถียงครับ แต่ก็ไม่ค่อยเด่นเท่าไรอีกนั่นแหละ และสาระเล็กๆ น้อยๆ จากหนังก็ให้กำลังใจได้ดีเหมือนกัน นั่นคือ
อนาคตนั้นเราต้องกำหนดเอง สู้เพื่ออนาคต อย่ายอมแพ้ อย่าให้ใครมากำหนดโชคชะตา แล้วเราจะไปถึงเป้าหมายได้สักวัน…